ค่าใช้จ่ายแท้จริงของคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ไม่ดี

Facebook
Twitter
LinkedIn

ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าคนเรามีความต้องให้ภายในที่ทำงานของตัวเองมีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ซึ่งความสนใจส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่มลพิษจากยานพาหนะหรือวัสดุก่อสร้าง หรือแม้แต่สิ่งธรรมดาอย่างแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่สามารถทำให้เกิดปัญหาได้อย่างต่อเนื่อง

ก่อนที่คุณจะจัดการกับปัญหาที่มองไม่เห็นอย่างคุณภาพอากาศที่ไม่ดีภายในอาคาร (เช่น การได้รับการรับรองเกี่ยวกับคุณภาพอากาศที่ดีภายในอาคาร) คุณควรที่จะพิจารณาถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นก่อน

ค่าใช้จ่ายของคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ไม่ดีนั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การลดลงของประสิทธิภาพการทำงานในระยะสั้น (เฉียบพลัน) , การลดลงของประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว (เรื้อรัง) และผลกระทบด้านภาพลักษณ์

การลดลงของประสิทธิภาพการทำงานในระยะสั้น (เฉียบพลัน)

คุณภาพอากาศที่ไม่ดีนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่มีสุขภาพดีและมีความกระตือรือร้นในการทำงานได้ ซึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุด คือ การมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สูง

เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 เป็นผลพลอยได้จากการหายใจโดยธรรมชาติ (ไม่กล่าวถึงแหล่งอื่น) ที่มักจะปรากฏในชั้นบรรยากาศอยู่เสมอ ดังนั้นเราจึงไม่คิดว่าเป็นปัญหาที่นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่หากมีปริมาณความเข้มข้นของก๊าซ CO2 สะสมอยู่สูงเกินกว่าปกติก็สามารถส่งผลกระทบต่อผู้คนที่อาศัยในพื้นที่นั้นๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในระดับของปริมาณก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ที่เพิ่มสูงขึ้น สามารถทำให้เกิดอาการง่วงซึม มีอาการปวดศรีษะ และรู้สึกหมดความสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเมื่อปี 2015 พบว่า คะแนนในการทำงานด้านสติปัญญาลดลงถึง 50% ในวันที่มีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 สูง เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ต่ำ แม้แต่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ในระดับปานกลางยังส่งผลให้การทำงานด้านสติปัญญามีคะแนนลดลงถึง 15% กล่าวคือแม้แต่ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 จะอยู่ในระดับสูงหรือปานกลางนั้นจะทำให้ลดความสามารถของประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมีนัยสำคัญ

จากผลกระทบที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การจดจำว่าการระบายอากาศภายในอาคารนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การเคลื่อนที่ของอากาศเย็นเท่านั้น แต่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของอากาศที่บริสุทธิ์เช่นเดียวกัน

การลดลงของประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว (เรื้อรัง)

ปัจจัยบางประการในอากาศยังสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพที่มากพอที่จะลาป่วย ส่งผลให้เกิดการสูญเสียประสิทธฺภาพในการทำงานถึงหนึ่งวันเต็ม (หรือมากกว่า) ตัวอย่างที่พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเอเชีย คือ ปัญหาด้านระบบหายใจที่เป็นผลกระทบมาจากค่าฝุ่น PM 2.5 สูง

โดยปกติแล้วฝุ่น PM 2.5 (อนุภาคของฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมโครเมตร) นั้นมีที่มาจากการเผาไหม้หรือการติดไฟ และในเขตพื้นที่ชุมชนมักจะมีสาเหตุมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือยานพาหนะ (โดยเฉพาะเครื่องดีเซล) ส่วนบริเวณที่อยู่ใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรมนั้นอาจเกิดจากการเผาไหม้ของถ่าน แก๊ส หรือเชื้อเพลิงอื่นๆ ของโรงงาน หรือแม้แต่ในพื้นที่ชนบทก็สามารถผลิตฝุ่น PM 2.5 ได้ในปริมาณที่มากพอจากการเผาไหม้ของพื้นที่ทางการเกษตร

ยิ่งไปกว่านั้นฝุ่น PM 2.5 ที่ไม่ว่าจะเกิดจากแหล่งใดก็ตามมักจะถูกพัดไปในระยะทางไกล แล้วส่งผลกระทบต่อพื้นที่อื่นที่ไม่ได้เป็นต้นเหตุของฝุ่นดังกล่าว ตัวอย่างเช่น หมอกควันที่ถูกพัดมายังประเทศสิงคโปร์หรือหมอกจากสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ลถูกพัดไปสู่ประเทศฮ่องกง

อย่างที่ทราบกันดีว่าปริมาณความเข้มข้นของฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพ รวมถึงอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นจากโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดในสมอง และโรคมะเร็งปอด ดังนั้นการรักษาปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่มีภายในบ้านให้ลดต่ำลงจะสามารถช่วยชีวิตของผู้คนได้อย่างแท้จริง เพราะบ้านเป็นสถานที่ที่ผู้คนใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ภายในนั้น

ทั้งนี้การได้รับฝุ่น PM 2.5 ในระยะสั้นสามารถกระตุ้นหรือทำให้อาการเรื้อรังนั้นแย่ลงได้ เช่น โรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบ และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับระบบหายใจ กล่าวคือในวันที่มีมลภาวะอาจทำให้มีอัตราการลาหยุดที่เพิ่มสูงขึ้นและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ดังนั้นจึงขอย้ำอีกครั้งว่าการรักษาปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่มีภายในอาคารให้ลดต่ำลงนั้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานให้ดียิ่งขึ้น

ผลกระทบด้านภาพลักษณ์

ลูกค้าของคุณอาจไม่ได้ใส่ใจกับคุณภาพอากาศภายในออฟฟิศของคุณ แต่พนักงานของคุณอาจจะใส่ใจก็ได้ ดังนั้นบริษัทที่พยายามรักษาคุณภาพอากาศในพื้นที่ทำงานให้ดีนั้นจะแสดงให้กับพนักงานของเขาได้เห็นถึงความใส่ใจถึงความเป็นอยู่ที่ดีและคุณค่าในตัวพวกเขาว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญของบริษัท คุณเคยเดินเข้าไปในสำนักงานแล้วคิดว่า “ที่แห่งนี้น่าจะเป็นสถานที่ทำงานที่ดี” หรือไม่? ส่วนหนึ่งของความคิดเช่นนั้นก็คือคุณภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ความชื้น ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 หรือการไม่มีสารเคมีใดๆ เจือปน

ในทางกลับกันสำหรับบริษัทที่ขอให้พนักงานทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ด้วยสภาพอากาศที่มีกลิ่นอับนี้จึงเป็นการทำงานที่ยากลำบากของบริษัท ที่จะต้องแสดงให้กับพนักงานได้เห็นถึงความใส่ใจของบริษัทที่มีต่อความเป็นอยู่ของพนักงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่ผลประกอบการและต้นทุนที่สูงขึ้น

บทสรุป

ค่าใช้จ่ายของคุณภาพอากาศที่ไม่ดีภายในอาคารอาจไม่สามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดายแต่มันคือความจริงและมีความหมาย การควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคารของคุณอย่างจริงจังนั้นสามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานและการเพิ่มผลลัพธ์ของทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของคุณหรือบุคคลากรของคุณ ติดต่อเราวันนี้เพื่อเรียนรู้ถึงวิธีการควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคารของคุณ

กำลังมองหาระบบระบายอากาศ ERV สำหรับที่พักอาศัยอยู่ใช่ไหม?

เพื่อสร้างคุณภาพอากาศที่เหมาะสมที่สุด เราออกแบบโซลูชันการระบายอากาศ ERV ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล กรอกแบบฟอร์มเพื่อรับคำแนะนำจากฝ่ายวิศวกร-ฝ่ายขายของเรา
We create Europeean Standard ERV Solutions Fill in the form to get personal guidance

Looking for ERV Residential Ventilation?

Creating the optimal solution for you requires knowledge of your specific situation. 

Book a free guidance call below